วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

รถติดเทอร์โบใครว่าซดผมว่ามันประหยัดนะ

รถติดเทอร์โบใครว่าซดผมว่ามันประหยัดนะ

คงเคยได้ยินกันมาบ้างเกี่ยวกับรถที่ติดเทอร์โบว่ากินน้ำมันยังกะอูฐที่พึ่งเดินทางผ่านทะเลทรายมา ถ้ามาพูดถึงหลักการออกแบบเทอร์โบจริงๆแล้วมันกลับมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มแรงและประหยัดพลังงาน อธิบายง่ายๆคือ กำลังงานที่ได้มานั้นคุ้มค่ากับพลังงานที่ให้มากกว่ารถที่ไม่มีเทอร์โบหรือพูดอีกอย่างคือรถที่ติดเทอร์โบจะประหยัดน้ำมันกว่ารถที่ไม่ติดเทอร์โบ อ้าว! พอพูดมาถึงตรงนี้ก็มีเสียงเอ๊ะอะโวยวายจากบรรดาผู้ใช้รถติดเทอร์โบอยู่ว่ามันไม่จริงจะเป็นไปได้อย่างไร ก็ไอ้คันที่ใช้อยู่มันออกจะซดสะเด็ดอย่าบอกใครเชียว ดังนั้นก็ลองมาดูว่าเป็นจริงหรือเปล่า จากทฤษฎีที่ว่าสสพลังงานไม่มีวันสูญสลายเพียงแต่เปลี่ยนรูปไปเท่านั้น พลังงานที่ให้คือน้ำมัน ส่วนพลังงานที่ได้คือกำลังงานของเครื่องยนต์ที่อยู่ในรูปแรงม้าหรือแรงบิด ขอยกตัวอย่างรถ 3 คันเครื่อง 1600ซีซีเท่ากัน ดังนี้

1.รถเครื่อง 1600ซีซี ตัวประหยัดในตลาดโดยทั่วไปมี 120 แรงม้า ใช้น้ำมัน 1 ลิตรวิ่งได้ระยะทางโดยเฉลี่ย 13 กิโลเมตร

2.รถเครื่อง 1600ซีซี ตัวแรงในตลาดโดยทั่วไปมี 140 แรงม้า ใช้น้ำมัน 1 ลิตรวิ่งได้ระยะทางโดยเฉลี่ย 11 กิโลเมตร

3.รถเครื่อง 1600ซีซี ตัวแรงพ่วงเทอร์โบโดยทั่วไปมี 260 แรงม้า ใช้น้ำมัน 1 ลิตรวิ่งได้ระยะทางโดยเฉลี่ย 7 กิโลเมตร

ถ้าถามว่าคันไหนประหยัดที่สุด โดยทั่วไปคงจะตอบว่าคันที่ 1 แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่งจะพบว่าตัวที่ประหยัดที่สุดคือคันที่ 3 นี่ผมไม่ได้เมานะครับมันเป็นเช่นนั้นจริงๆในหลักการทางทฤษฎีและการคำนวน ลองมาดูกันโดยใช้คันที่ 1 เป็นบรรทัดฐานในการคำนวณ สมมุติว่าคันที่ 1 ให้เป็นประสิทธิภาพที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ จะได้ดังนี้

1.คันแรก120 แรงม้า = 100 %

; ดังนั้นคันที่2 มี 140 แรงม้าจึง = 116.67%

; และคันที่3มี 260 แรงม้าจึง = 216.67%

2.คันแรกน้ำมัน1 ลิตรวิ่งได้ 13 กิโลเมตร คิดเป็น = 100 %

; ดังนั้นคันที่2 วิ่งได้ 11 กิโลเมตร = 84.62 %

; และคันที่3 วิ่งได้ 7 กิโลเมตร = 53.85 %

3.เมื่อนำทั้งสามคันมาเปรียบเทียบกันเมื่อเราจ่ายพลังงานให้เท่ากันคือน้ำมัน 1 ลิตร จะพบว่า

3.1 คันที่ 1 ได้กำลังงานที่ 100% และวิ่งได้ระยะทาง 100%

3.2 คันที่ 2 ได้กำลังงานมากกว่าคันที่ 1 อยู่ 16.67% ; แต่วิ่งได้ระยะทางน้อยกว่าคันที่1 อยู่ 15.38%

3.3 คันที่ 3 ได้กำลังงานมากกว่าคันที่ 1 อยู่ 116.67% ; แต่วิ่งได้ระยะทางน้อยกว่าคันที่1 อยู่ 46.15%

4.จากตัวเลขข้อ 3.2 พบว่าตัวเลขของกำลังงานที่ได้ใกล้เคียงกันมากคือแตกต่างกันเล็กน้อย ดังนั้นถ้าพูดถึงอัตราการประหยัดน้ำมันจริงๆ คันที่1 และคันที่ 2 จึงพอๆกัน โดยคันที่ 1 จะประหยัดกว่าคันที่2 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทางเทคนิคถือว่าไม่แตกต่างกันเลย

5.ทีนี้มาดูตัวเลขของคันที่ 3 จะพบตัวเลขที่แตกต่างกันมาก กำลังงานที่ได้มากถึง 116.67% แต่ได้ระยะทางน้อยลงเพียงแค่ 46.15% เท่านั้น ดังนั้นจึงยังมีพลังงานเหลืออีกตั้ง 70.52%

6.ดังนั้นจึงสรุปได้ว่ารถทั้ง3 คันมีพลังงานที่ให้เท่ากันคือน้ำมัน 1 ลิตร แต่คันที่3 คือคันที่ติดเทอร์โบมีกำลังงานที่ได้มากกว่าคันที่1 และคันที่ 2 อยู่ถึงกว่า 70เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว นั่นหมายความว่าคันที่3 คือคันที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุด

ไม่ทราบว่ายังงงอยู่หรือเปล่า ถ้ายังไม่ชัดก็มาฟังอธิบายต่อ แรกเริ่มเดิมทีเทอร์โบออกแบบมาเพื่อใช้กับพวกรถบรรทุกเพื่อให้สามารถเพิ่มจำนวนน้ำหนักในการบรรทุกให้มากขึ้นโดยที่คุ้มค่ากับพลังงานที่ได้มากที่สุด เพราะแทนที่จะบรรทุกได้แค่ 20 ตัน เมื่อติดเทอร์โบเข้าไปก็อาจจะสามารถบรรทุกได้ถึง 30 ตันอย่างไม่ยากเย็น เมื่อคำนวนจากอัตราบริโภคน้ำมันแล้ว เทียบกับเที่ยวที่ลดลงจึงคุ้มค่ามาก ต่อมาจึงมีการนำมาใช้กับรถส่วนบุคคลหรือรถแข่ง จึงมีเสียงบ่นตามมาว่ารถที่ติดเทอร์โบซดน้ำมันมาก โดยที่ลืมไปว่าจากรถปกติที่มีม้าในคอก 120 ตัว คุณก็ต้องให้อาหารมันทั้ง 120 ตัว, มี 140 ตัวก็ต้องให้ 140 ตัวและมี 260 ตัวมันก็ต้องกินอาหารทั้ง 260 ตัว แต่เวลาคุณใช้งานมันนั้นคุณเรียกมันออกมาใช้กี่ตัวเช่นมี 120 ตัวอาจจะเรียกมาใช้ทั้งหมด, มี 140 ตัวก็อาจจะเรียกมาใช้ซัก 135 ตัว,แต่ 260 ตัวคุณจะเรียกมาใช้ซักกี่ตัวอย่างดีที่สุดที่เห็นในบ้านเราโดยทั่วๆไปก็ไม่น่าจะเกิน 160 ตัว อ้าวแล้วอีก 100 ตัวไปไหน คุณก็ยังขังมันไว้ในคอกให้อาหารมันแล้วให้มันกระโดดและร้อง ฮี้ฮี้ อยู่ในคอก เมื่อกระโดดมากๆร้องมากๆเข้าก็เหงื่อออกพาลให้ร้อนและหงุดหงิด ทีนี้ก็ต้องเดือดร้อนเจ้าของต้องไปหาอะไรมาระบายลดความร้อนให้อีกไม่งั้นร้อนมากๆเดี๋ยวม้าอารมณ์เสียพังคอกขึ้นมาก็จะยิ่งเดือดร้อนหาเงินมาซ่อมคอกอีก

จะเห็นได้ว่ารถตัวแรงพกหอยของมืออาชีพที่ใช้งานจริงๆอัดสุดๆจะไม่ค่อยมีคูลเลอร์ระบายเท่าไหร่แทบจะไม่แตกต่างจากตัวที่ไม่มีหอยซักเท่าไหร่ เพราะพลังงานที่ให้ถูกแปรรูปเป็นพลังงานกลอย่างมากแล้วจึงเหลือเป็นพลังงานความร้อนไม่เท่าไหร่ซึ่งก็เหมือนๆกับรถธรรมดาที่ใช้งานทั่วๆไป แต่ในบ้านเราส่วนมากที่เห็นก็จะแบกคูลเลอร์กันล้นคันทั้งนั้นเพราะพลังงานที่ให้ไม่ถูกแปรรูปเป็นพลังงานกลจึงแปรรูปเป็นพลังงานความร้อนแทน ส่วนมากก็มีหอยไว้แค่คุยเกย์ทับกันเท่านั้น เฮ้ย! ของนายมีม้าเท่าไหร่วะ โถ่!จอกมากเลย..จอกมาก แค่ 260 เอง ของเรานะ 320โว้ยประโยคประเภทนี้คงพอจะเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง แต่ถามจริงเหอะไอ้ม้า 320 ตัวในคอกของพี่นั้นเคยพามันออกมาวิ่งทั้งคอกซักกี่ครั้งแล้วแล้วพาไปวิ่งแถวไหนและตอนที่วิ่งปกติใช้มันออกมาวิ่งกี่ตัวให้อาหารมันกินแล้วใช้งานมันคุ้มค่าหรือเปล่า

ที่ไม่มีเทอร์โบครับ แต่ถ้าบอกว่ามันซดลองคิดดูใหม่ครับหรือกลับไปอ่านใหม่อีกรอบครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น